เทคนิคแทงบอล โดยเลือกทีมที่เรารู้จักมากที่สุด

ผมได้อ่านไอเดียนี้ จากท่านผู้ติดตามคอลัมน์ของผม ซึ่งท่านนี้ได้เขียนเข้ามาแนะนำเทคนิคการเลือกทีมให้กับผม ได้แชร์ให้แฟนๆ คอลัมน์ แนะนำแทงบอล ได้นำไปใช้เป็นไอเดีย เอาชนะเจ้ามือกันครับ แต่ก่อนที่จะไปถึงรายละเอียด ผมก็ขอขอบคุณแฟนคอลัมน์แทงบอล ท่านนี้ด้วย ซึ่งไม่ประสงค์จะออกนามแต่อย่างใด เรามาเริ่มขั้นตอนกันเลยดีกว่าครับ

images 125

เทคนิคแทงบอล โดยเลือกทีมที่เรารู้จักมากที่สุด ซึ่งมีกระบวนการเริ่มต้นจากพื้นฐานการแทงบอลปรกติทั่วไป คือการตั้งงบประมาณสำหรับแทงบอล ในแต่ละสัปดาห์ออกมาก่อน เช่น สุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ผมเตรียมเงินสำหรับแทงฟุตบอลีก 10000 หลังจากที่พักแข่งบอลโลกกันไป 2 สัปดาห์ เมื่อจัดการตั้งงบประมาณได้แล้ว จากนั้นให้เข้ามาเลือกวันที่จะแทงครับ ให้เลือกแทงบอลในวันที่มีแมตซ์การแข่งขันมากที่สุด และในวันนั้นควรจะมีหลายลีกแข่ง เมื่อเลือกโปรแกรมวันแข่งได้แล้ว เราก็มาร์กจดไว้ในกระดาษเลยครับ

ยกตัวอย่าง การแทงบอล สัปดาห์นี้ ผมเลือกที่จะแทงบอลในวันเสาร์ ซึ่งเมื่อผมดู โปรแกรมการแข่งขันล่วงหน้าแล้ว มีการแข่งขันครบทุกลีกครับ ทั้ง พรีเมียร์ลีก, บุนเดสลีก้า, กัลโซ่ เซเรีย อา, ลาลีก้า สเปน , ลีกเอิง ฝรั่งเศส เป็นต้น จริงๆ แล้วมีลีกเยอะมากครับถ้าเราดูจากตารางโปรแกรม จากนั้นให้เราเลือก 5 ลีก ที่เรารู้จักออกมา และทำการเรียงลำดับลีกที่รู้จักและติดตามมากที่สุด 1 2 3 เช่น

1. พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
2. กัลโซ่ เซเรีย อา
3. บุนเดสลีก้า
4. ลาลีก้า สเปน
5. ลีกเอิงฝรั่งเศส

ให้เราเขียนลงกระดาษเลยครับ จะได้เป็น mind map ไกด์ไลน์ให้เราจัดระบบความคิดในการเลือกแทงบอลได้อย่างชัดเจน หลังจากนี้ ในแต่ละลีก ให้เราเลือก 1-2 เกมที่น่าสนใจ คำว่าน่าสนใจคือ เรารู้จักทีมนั้นเป็นอย่างดี เรารู้จักสไตล์การเล่น รู้จักนักเตะคนสำคัญของทีม ข่าวอาการบาดเจ็บ แรงจูงใจในการเล่น เป็นต้น ซึ่งเมื่อเลือกเกมในแต่ละลีกออกมา เราจะได้ ประมาณ 10 เกม

ซึ่งผมเลือกได้ดังนี้ครับ
1. พรีเมียร์ลีก อังกฤษ = แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS คริสตัล พาเลช, เอฟเวอร์ตัน VS เชลซี
2. กัลโซ่ เซเรีย อา = บาเยิร์น มิวนิค VS ฮานโนเวอร์, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ VS ฮัมบวร์ก
3. บุนเดสลีก้า = อินเตอร์ มิลาน VS ยูเวนตุส, โตริโน่ VS เอซี มิลาน
4. ลาลีก้า สเปน = บาร์เซโลน่า VS เซบีญ่า, บีญาร์เรอัล VS เรอัล มาดริด
5. ลีกเอิงฝรั่งเศส = ตูลูส VS โอลิมปิก มาร์กเซย, มงต์เปลลิเยร์ VS แร็งส์

จากนั้น ใน 10 เกม นี้ ให้เรา เลือกออกมา 3 เกมเท่านั้น เกมที่คุณมั่นใจมากที่สุด และแทงเกมแรกด้วยเงินเดิมพัน 16% ของงบแทงบอลทั้งหมด ถ้าหากเราเสียในคู่แรก ในคู่ที่สองให้เราแทงไปที่ 24% ของแทงบอล ถ้ายังแพ้อีกให้เราแทงไปที่ 64% ในคู่สุดท้าย ซึ่งวิธีการนี้มีข้อดีคือ เราได้เลือกทีมที่ดีที่สุดที่เรามั่นใจ อยู่บนพื้นฐานของความรู้ ข้อมูลที่เรามีมากที่สุด ซึ่งดีกว่าไปเสี่ยงกับเกมฟุตบอลในคู่ที่เราไม่รู้จักครับ ซึ่งสำหรับ สุดสัปดาห์นี้ ผมแทงบอลใน 3 เกมนี้ครับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS คริสตัล พาเลช, บาร์เซโลน่า VS เซบีญ่า, บีญาร์เรอัล VS เรอัล มาดริด ขอให้โชคดีครับ

ผลบอล แห่งความทรงจำ ผี 1 หงส์ 4

ผลบอล แดงเดือดยกแรกสำหรับฤดูกาล 2013 – 2014 จบไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งทางหงส์แดง ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายที่สมหวังไป หลังเปิดรังแอนฟิลด์เฉือนเอาชนะคู่อริตลอดกาลอย่างปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปได้ 1-0 จากประตูชัยโทนของแดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ที่ขวิดเข้าไปตั้งแต่ช่วงต้นเกมlivescore

จบการแข่งขันนัดที่ 3 ของทุกทีม ปรากฏว่าลิเวอร์พูลนำเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนน ด้วย 9 แต้มเต็มจาก ผลบอล 1-0 ที่เกิดขึ้น 3 นัดรวด ไม่ใช่เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นง่าย ๆ เลย เพราะหงส์แดงไม่เคยทำแบบนี้มา 19 ปีแล้ว แต่แมตช์นี้คงไม่ใช่สิ่งที่จะตัดสินทุกอย่างในฤดูกาลนี้ เพราะถ้าเป็นแฟนหงส์แดงขนานแท้ หลาย ๆ ท่านน่าจะจำกันได้ดีกับฤดูกาล 2008 – 2009 ที่หงส์แดงนำโด่งตั้งนานแต่สุดท้ายกลับโดนทีมของเฟอร์กี้ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปครองหน้าตาเฉย

ซีซั่นนั้นมีผลบอลแดงเดือดที่ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผมไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะแดงเดือดนัดที่ 2 ซึ่งเป็นเกมลีกนัดที่ 29 และหงส์แดงต้องบุกไปเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดเพื่อ 3 คะแนนเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ในการแย่งแชมป์ต่อไป

เกมนั้นผมไม่ได้ชมการถ่ายสดเพราะติดภาระกิจในการปฏิบัติงานประจำในฐานะมนุษย์เงินเดือนอยู่ แต่มีน้าคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนหงส์แดงแบบเข้าเส้นเปิดวิทยุ FM ลุ้นกันแบบสด ๆ แต่อยากจะบอกว่าการลุ้นผลบอลจากทางวิทยุเนี่ย มันส์!!!!อย่าบอกใครเลยนะครับ เพราะบางทีทางผู้บรรยายก็ตะโกนพร้อม ๆ กันในจังหวะหวาดเสียว ชุลมุนวุ่นวายขลุกขลิกกันอยู่หน้าประตู สรุปว่าเข้าหรือไม่เข้าต้องรอกันเฮือกใหญ่

เกมนั้นปีศาจแดงออกนำไปก่อนจากจุดโทษของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ในช่วงต้นของครึ่งเวลาแรกเท่านั้น ไม่ต้องบอกก็คงรู้นะครับว่าผมรู้สึกอย่างไรกับการที่ได้ยินเสียงผู้บรรยายประกาศว่า “เข้าไปแล้ว” หรือ “เรียบร้อย” เรียกว่าเซ็งกันไปทั้งบาง แต่ยังดีที่ทีมตีเสมอได้อย่างรวดเร็วจาก “เอล นินโญ่” ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ซึ่งช็อตนี้ยังติดตาผมอยู่แบบไม่มีวันลบออก เพราะตอร์เรสได้บอลยาวโด่งจากแดนหลัง ก่อนที่เนมันย่า วีดิชจะเฟอะฟะปล่อยให้ตอร์เรสควบหนีเข้าไปยิงหน้าตาเฉย สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

ยังไม่พอ ก่อนหมด 45 นาทีแรก เจอร์ราร์ดถูกปาทริซ เอวร่า เสียบล้มลงในเขตโทษก่อนผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกที่จุดโทษ และมิดฟิลด์ไดนาโมรายนี้ก็ลุกขึ้นมาสังหารเองไม่พลาด ตอนนั้นทำงานไปเฮละโลลิงโลดกันสุด ๆ เหมือนได้แชมป์แล้วละครับ เพราะทีมรักพลิกสถานการณ์กลับมานำได้ทั้ง ๆ ที่เป็นเกมที่กดดันสุด ๆ ในใจ ณ เวลานั้นอยากจะให้เกมจบด้วยผลบอลนั้นไปเลยไม่ต้องเตะมันแล้วครึ่งหลังเนี่ย

เกมในครึ่งหลังดูจะทำให้บรรดาแฟนหงส์ต้องท้องไส้ปั่นป่วนไม่น้อยเพราะโดนบุกหนักเหลือเกิน แต่แล้วจู่ ๆ สวรรค์ก็เป็นใจให้ปีศาจแดงต้องเสียเปรียบหนักไปกว่าเดิมอีก เพราะเนมันย่า วีดิช ซึ่งดูจะเป็นบ่อน้ำมันในเกมนี้โดนใบแดงไล่ออกไปในนาทีที่ 75 ของเกม หลังจากไปทำเฟอะฟะดึงเจอร์ราร์ดล้มลงดื้อ ๆ ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเกมอย่างแท้จริง และจากจังหวะต่อเนื่องนั้น ฟาบิโอ ออเรลิโอ ก็ปั่นฟรีคิกเข้าเสาแรกไปอย่างงามหยดย้อยให้หงส์แดงสยายปีกนำห่าง 3-1 ผมได้ยินเสียงผู้บรรยายจากทางวิทยุไม่ผิดแน่ใช่มั้ยครับ ผลบอลในตอนนั้นคือทีมรักของผมนำห่างถึง 2 ประตูขณะที่เหลือเวลาการแข่งขันอีกประมาณ 15 นาที

ถ้าพูดกันตามทฤษฎีแล้ว เวลาขนาดนั้นและฝีมือการแก้เกมของเฟอร์กี้ก็ไม่เป็นสองรองใครหน้าไหนในปฐพี แต่กลับกลายเป็นอันเดรียส ดอสเซน่า นักเตะที่ผมเชื่อว่าคงไม่ค่อยจะมีแฟนหงส์ท่านไหนจำได้นัก จัดการตอกตะปูปิดฝาโลงส่งผีลงหลุมไปทันทีในนาทีสุดท้ายของเกมการแข่งขัน หลังเค้าได้บอลลักไก่จากเรน่าที่โยนยาวมา ก่อนจะตักอย่างเหนือชั้นข้ามหัวเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ นายทวารที่ขึ้นชื่อว่าเหนียวหนึบที่สุดในโลกคนหนึ่งเข้าไป

จบเกมเหล่าเดอะ ค็อปได้เฮกันลั่นทุ่ง เพราะได้ 3 คะแนนเต็มแถมเป็นเกมเยือนอีกด้วยผลบอล 4-1 เนี่ยไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละครับ กลับมามีลุ้นแย่งแชมป์อีกครั้งแต่ตามหลังอยู่ถึง 4 คะแนน แถมทีมแข่งมากกว่า 1 นัดอีก ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเฟอร์กี้ก็ได้ชูถ้วยแชมป์อีกสมัยด้วย 90 คะแนน ทิ้งห่างลิเวอร์พูล 4 คะแนน นับเป็นปีที่ใกล้ที่สุดสำหรับตำแหน่งแชมป์แต่ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษตัวเองล่ะครับที่ดันทำแต้มหล่นหายในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม เพราะจบลงด้วยผลบอลเสมอมากเกินไป

ซีซั่นนี้หงส์แดงของผมนำเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนนแล้วหลังผ่านไป 3 เกม แต่ผลบอลที่ชนะมาแค่นัดละลูกเนี่ย บอกได้เลยว่าไม่เหมือน AIS ที่อุ่นใจได้แต้ม ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วหงส์แดงจะสยายปีกได้อีกครั้งหรือไม่ คงต้องเอาใจช่วยกันต่อไป แต่ยังไง ๆ ซะแมตช์นี้ก็จะยังคงอยู่ในใจผมไปตลอดกาล

ผลบอลแมตท์สุดพลิกล๊อกในฟุตบอลโลก

images 11ผลบอลแมทช์สุดพลิกล็อก ในบอลโลก ทวีปเอเชียของเราก็เริ่มจัดเป็นครั้งแรกในปี 2002 ซึ่ง ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพร่วมและได้สิทธิ์เข้าไปเล่นโดยอัตโนมัติทั้งสองทีม ซึ่งในครั้งนั้น มีทีมฟุตบอลจากชาติใหญ่ๆ เข้าร่วมโม่แข้งอย่างคับคั่ง ทั้ง อังกฤษ ฝรั่งเศส แชมป์เก่า บราซิล สเปน อาร์เจนติน่า เป็นฟุตบอลโลกอีกปีหนึ่งที่ผมประทับใจมากทีเดียว และก็ติดตามเชียร์ อังกฤษตลอดทัวร์นาเม้นครับ สำหรับนัดที่ผมจะพูดถึง ซึ่งเป็นเกมที่พลิกล็อคมากในปีนี้คือ

– เซเนกัล ชนะฝรั่งเศส ผลบอล 1-0 รอบแบ่งกลุ่ม ศึก ฟุตบอลโลกปี 2002 ที่ประเทศญี่ปุ่น-เกาหลีใต้

เกมนัดนี้ เป็นนัดเปิดสนามบอลโลกปี 2002 ครับ และทีม “ตราไก่” ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแชมป์เก่าในฟุตบอลโลก ฟร็อง 98 ก็กลับมาป้องกันแชมป์ โดยชุดนี้ มีทั้ง ปาทริค วิเอร่า, เทียรี่ อองรี, ดาวิด เทรเซเกต์, ฟาเบียง บาเตส เอ็มมานูเอล เปอตีต์ ซึ่ง แต่ละคนก็ไม่ธรรมดาละครับ

ส่วนทางด้าน เซเนกัล นี่นักเตะแต่ละคนแทบไม่เป็นที่รู้จักเลยครับ แต่แล้ว เซเนกัลก็สร้างความแปลกใจให้ผู้คนได้ไม่น้อย เมื่อได้ประตูในครึ่งแรก จาก ปาป้า บูบาดิย็อป หักปากกาเซียน พลิกเอาชนะ ฝรั่งเศส ไปด้วยผลบอล 1-0 ก่อนที่ นัดต่อมา เซเนกัล จะยันเสมอ เดนมาร์ก 1–1 และ ยันเสมอ อุรุวัย ในนัดสุดท้าย 3-3 รุกคืบหน้าผ่านเข้าสู่รอบสอง ได้อย่างมหัศจรรย์ จากนั้นในรอบสอง เซเนกัล ยังแรงไม่เลิก หักปากกาเซียนอีกด้าม ด้วยการ พลิกเอาชนะสวีเดนไปอีก 2-1 ด้วยประตู “โกลเด้น โกล์” หลังต่อเวลา 120 นาที ยังเสมอกัน 1-1 แต่ท้ายที่สุดแล้วก็มาได้ลึกแค่เพียงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น เมื่อ พ่ายแพ้ให้กับ ฝีเท้าของตุรกี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที 1-0 ด้วยประตู “โกลเด้น โกล์” ถือว่าเป็นม้ามืดในฟุตบอลโลกครั้งนั้น และสร้างสีสันให้จดจำได้ไม่เคยลืม

ส่วนทางด้าน อดีตแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ฟอร์มบู่ไม่เลิกครับ รอบแรก ทั้งสามนัดไม่ชนะใครเลย และยิงไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว โดย นัดสองเสมอ อุรุวัย 0-0 และ นัดสุดท้ายแพ้ ให้เดนมาร์ก ผลบอล 2-0 ตกรอบไปอย่างเหลือเชื่อ เก็บไปได้เพียง 1 แต้ม เท่านั้น ต้องกลับบ้านไปอย่างช้ำใจ แต่ยังไม่หมดครับ สำหรับฟุตบอลโลก ปี 2002 มีคู่ที่พลิกอีกซึ่งผมจะมาเล่าต่อในคราวหน้ากัน

 

แมตท์ผลบอลทีมชาติไทยในความทรงจำ (ตอน 2)

 

livescore

สำหรับอีกแมตท์ผลบอลหนึ่ง ซึ่งผมเชื่อว่าอยู่ในใจของใครหลายๆ คน เพราะครั้งนี้เป็นการแข่งขันในประเทศไทย ผมเชื่อว่าคงมีหลายคนที่อยู่ในสนามวันนั้นด้วย กับนัดนี้ครับ

– ทีมชาติไทย ชนะ เกาหลีใต้ 2-1 ในศึกฟุตบอล เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่กรุงเทพฯ ปี 2541 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยทีมชาติไทยชุดนั้น เป็นการรวมตัวกันของนักเตะทีมชาติดังๆ อย่าง ชัยยงค์ ขำเปี่ยม, นที ทองสุขแก้ว, นิเวส ศิริวงศ์, ดุสิต เฉลิมแสน, ธวัชชัย ดำรงอ่องตระ, ตะวัน ศรีปาน, วรวุทธ ศรีมะฆะ และ ซิกโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และมี ปีเตอร์ วิธ เป็นผู้จัดการทีม โดยมี บิ๊กหอย ธวัชชัย สัจจกุล อยู่เบื้องหลัง ซึ่งด้วยสภาพปัญหาที่มีในทีมชาติ จากผลกระทบจากเหตุการณ์อัปยศไทเกอร์ คัพ เมื่อกลางปี 2541 ที่เวียดนาม ทำให้แฟนบอลไม่ได้คาดหวังกับทีมชุดนี้มากเท่าไหร่นัก

ในรอบแรกทีมชาติไทย อยู่สายเดียวกับ ฮ่องกง และ โอมาน ซึ่งกรุ๊ป F นี้มี 3 ทีมครับ นัดแรกเขายิง ฮ่องกง 5-0 และชนะ โอมาน ด้วยผลบอล 2-0 ก่อนที่จะผ่านเข้ารอบสอง อยู่ กรุ๊ป 4 ซึ่งมีทีมร่วมกลุ่มอย่าง กาตาร์, เลบานอล และ คาซัคสถาน ซึ่งเราสามารถ เสมอกับ คาซัคสถาน ด้วยผลบอล 1-1 ชนะ เลบานอล 1-0 แต่นัดสุดท้ายแพ้ กาตาร์ 1-2 มี 4 แต้ม เท่ากับ คาซัคสถาน แต่ประตูได้เสียดีกว่า จึงเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปชนกับ เกาหลีใต้ แชมป์ กลุ่ม 2

ก่อนเกมทีมชาติไทย เป็นรองอย่างมาก เนื่องจากเกาหลีใต้ เพราะเกาหลีใต้ชุดนั้นประกอบไปด้วยนักเตะชุดบอลโลกอย่าง ซอย ยอง ซู, ลี ดอง กุ๊ก, ยู ซัง ชุล ในครึ่งแรก เรายังยันเสมอได้ด้วยผลบอล 0-0 แต่มาในครึ่งหลังทีมชาติไทย เราต้องเสียบเปรียบตัวผู้เล่นจากจังหวะ วรวุฒิ ศรีมะฆะ โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ไทยต้องเหลือผู้เล่นในสนามเพียง 10 คนเท่านั้น

แต่แล้วในช่วง 9 นาที ทีมชาติไทยที่ทำประตูขึ้นนำไปได้ก่อน 1-0 จากซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กระดกบอลข้ามผู้รักษาประตูเกาหลีใต้เข้าไปอย่างสวยงาม แต่จากนั้น ทีมชาติไทย ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 9 คน เมื่อ สุรชัย จิระศิริโชติ ถูกใบเหลืองใบที่สองกลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป และจังหวะฟรีคิกต่อมา ยู ซัง ชุล ก็ปั่นข้ามกำแพง ผ่านมือ ชัยยงค์ ขำเปี่ยม เข้าประตูไป เป็นลูกตีเสมอให้กับเกาหลีใต้ 1-1

จนหมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที ต้องต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที และใช้กฎโกล์เดนโกล์ คือถ้าทีมไหนยิงได้ก่อนในช่วงต่อเวลา ชนะไปเลย แต่แล้วนาทีที่ 5 ของการต่อพิเศษเวลา ทีมชาติไทยได้ฟรีคิกระยะ ประมาณเกือบ 30 หลา ดุสิต เฉลิมแสน เขี่ยบอลให้ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ซัดเต็มข้อ บอลพุ่งเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม ชนิดที่นายทวารเกาหลี หมดสิทธิ์รับเลยทีเดียว และกรรมการก็เป่าหมดเวลาทันที ทำให้ทีมชาติไทย 9 คน สามารถล้มทีมชาติเกาหลีใต้ 11 คน ไปได้ ด้วย ผลบอล 2-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศต่อไป

ในรอบรอง เราเจอกับ คูเวตที่อาศัยความสูงและความเหนือชั้นกว่าเอาชนะไปอย่างขาดลอยถึง 3-0 และต้องมาชิงที่ 3 กับอริเก่า อย่างทีมชาติจีน ซึ่งคราวนี้เราก็โดนถล่มไป ด้วยผลบอล 3-0 จบทัวร์นาเมนต์ ด้วยการครองอันดับที่ 4 อีกครั้ง ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ 2556 เราก็ยังไม่เคยก้าวไปไกลกว่านั้นเลยครับ แต่หวังว่า สักวันนักเตะรุ่นใหม่ของเราจะพัฒนาผีเท้าได้เก่งขึ้น แม้ดูเหมือนว่าจะลมแล้งๆ ก็ตามที่ครับ แต่สำหรับแฟนบอลชาวไทยแล้ว บอลไทยอยู่ในสายเลือดครับ